จำได้ว่าวันแรกที่พี่สาวพานิ้งมาที่บ้าน ฉันเพิ่งอยู่ม. 1 นิ้งเพิ่ง 3 เดือน
ฉันนั่งเล่นอยูที่ชานบ้านกับนิดหน่อยน้องสาวฝาแฝดบ้านตรงข้าม
พอเราสามคนเห็นนิ้งก็ชอบกันใหญ่ เพราะความที่เค้าตัวขาว ขนปุยทั้งตัว
มีแค่ตรงตาที่เป็นสีน้ำตาลคล้ายกับใส่แว่นตาตลอดเวลา
นิ้งเป็นสุนัขพันธุ์ทางเพศเมีย (ผสมระหว่างเทอร์เรียกับสปิต)
แต่ที่บ้านทั้งแม่และคุณป้า ก็ดุพี่สาวใหญ่ว่าไม่ให้เลี้ยงสุนัข
เพราะที่บ้านเลี้ยงไว้หลายตัวแล้ว
คืนแรกของนิ้งที่บ้านเรา…
แม่เอากล่องกระดาษมา ไล่ให้นิ้งลงไปอยูในลังนิ้งก็กลัวไม่ยอมลง
แม่แกล้งเอาตระกล้าผ้ามาครอบนิ้งไว้ มันก็นิ่งสักพักก็หาทางออกมาจนได้
นิ้งเป็นหมาซื่อสัตย์และฉลาดมาก จะยกมือไหว้เมื่อเค้าต้องการจะขออะไร
ทั้งขอของกินและเวลาที่เค้าต้องการออกจากบ้านไปเข้าห้องน้ำ
นิ้งคอยเฝ้าบ้านทุกวัน และจะขู่เวลาที่มีคนมาหยิบของที่บ้าน เพราะเค้าหวงของ
ครอบครัวเรารักนิ้งมาก
อ่อ…เกือบลืมที่เค้าได้ชื่อว่านุ้งนิ้ง เพราะว่าตอนนั้น นิ้ง กุลสตรี ดารากำลังดัง
ซึ่งเป็นคนที่บุคลิกเรียบร้อย
ฉันคิดว่าพ่อคงอยากให้นุ้งนิ้งเรียบร้อยแบบนั้น
เลยตั้งชื่อว่านุ้งนิ้ง(กุลสตรี บุนนาค) เป็นน้องสาวคนสุดท้องของบ้านเรา
เราอยู่บ้านที่โบ๊เบ๊ได้ 6 ปีนับจากวันที่นิ้งมา
หลังจากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่ร่มเกล้านิ้งไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน
เพราะบ้านใหม่ไม่มีที่ให้นิ้งวิ่งเล่นเหมือนเดิม
ไม่รู้ว่านิ้งจะเข้าใจเหตุผลที่ครอบครัวเราต้องย้ายบ้านรึเปล่า
แต่ฉันรู้ว่านิ้งคงชอบบ้านเก่ามากกว่า เพราะฉันเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน
หลังจากย้ายบ้านมาร่มเกล้าอีกไม่ถึงปี
ฉันก็ไปอยู่หอที่รังสิต เพราะสอบเอ็นทรานติดที่นั่น
พ่อต้องไปอยู่ที่อื่น พี่สาวไปอยู่กับเพื่อน
บ้านเราแยกกันคนละทาง
นิ้งเลยต้องอยู่กับแม่ เพราะฉันเอานิ้งมาเลี้ยงที่หอไม่ได้
ฉันรู้ว่านิ้งเหงา
ไม่นานนักพี่สาวเอาหมาตัวใหม่มาอีกตัว พันธุ์ ดาเมนเชี่ยน เพศผู้
ชื่อเนื้อสัน
แรก ๆ นุ้งนิ้งไม่ชอบ คงเพราะมันอิจฉากัน
แล้วเนื้อสันก็ชอบแกล้ง
เวลาที่นิ้งนอนอยู่ที่พื้น มันชอบขึ้นไปบนเตียงนอนแล้วกระโดพุ่งลงมันทับนุ้งนิ้ง
ตอนนั้นมันทำได้เพราเนื้อสันยังเด็ก
ต่อมาไม่นานเนื้อสันป่วย และชักบ่อย
หมอบอกว่าเนื้อสันเป็นคล้ายกับเวลาที่เด็กเป็นออทิสติก
มันเริ่มซึมและเก็บตัว
นิ้งมักจะอยู่ใกล้ๆ เนื้อสันตลอด
ฉันรู้ว่านิ้งเป็นห่วงน้อง เพราะน้องจะชักบ่อย ๆ
และเค้าก็อยู่บ้านกันแค่ 2 ตัว
แม่ไปขายของทุกวัน มันคงเหงากัน
อีก 3 ปีถัดมาสันก็ตาย
แม่เล่าให้ฟังว่าแม่กลับมาถึงบ้านเนื้อสันนอนหมดแรงอยู่แต่ยังไม่ตาย
แม่คิดว่ามันคงชักเหมือนทุกวัน
เลยเช็ดตัวทำความสะอาด เลยถือโอกาสตัดเล็บให้
เพราะเวลาปกติมันดิ้นไม่ยอมให้ตัดง่ายๆ
แต่แม่ก็ตกใจเพราะไม่กี่นาทีต่อมาเนื้อสันก็ไม่หายใจ
“เนื้อสันตายแล้วลูก” แม่โทรมาบอกฉันอย่างนั้น
ฉันได้แต่เสียใจ เพราะฉันไม่สามารถช่วยมันได้เลย
แม่เอาเนื้อสันไปฝังไว้ริมคลอง
ฉันรีบกลับบ้านแต่ไม่ทันได้เห็นมันอีกสักครั้ง
เช้าวันรุ่งขึ้นนิ้งหายไปจากบ้าน
แม่โทรบอกฉันและพี่สาว เพราะกลัวมันหายไปแล้วหาไม่เจอ
เราหานิ้งจนค่ำ เลยลองถามคนขับรถรับจ้างแถวบ้าน
เค้าว่าเห็นหมาตัวขาวนั่งอยู่ริมคลอง
แม่รีบตามไปดู
ภาพที่เห็นมันน่าเศร้า แม่ได้แต่ร้องไห้
นิ้งกำลังพยายามขุดดินตรงที่เป็นหลุมฝั่งศพของเนื้อสัน
มันคงไม่เข้าใจว่าเราเอาน้องไปฝั่งไว้ทำไม
นิ้งรู้ว่าน้องอยู่ใต้ดินตรงนั้นมันเลยพยายามเอาน้องออกมา
เราต้องเอาตัวนิ้งกลับมาที่บ้าน
ทั้งตัวเลอะเทอะไปด้วยดินจากที่ตัวขาว ขนปุย
ตัวดำเลอะดินจนไม่เหลือคราบเลย
นิ้งยังไปที่นั้นอีกหลายวัน
เค้าคงอยากไปรับน้องกลับบ้าน
เวลาผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว
ตอนนี้พี่สาวเอาหมาตัวใหม่มาอีกแล้ว
พันธุ์พุดเดิ้ล สีทอง เพศเมีย ชื่อหมูหยอง
แต่ฉันเรียกว่าหยองแหยง
เพราะมันซนและชอบกระโดด หยองแหยงไม่อยู่นิ่ง
คราวนี้นิ้งไม่สนใจหมูหยองเลย
ฉันเดาว่ามันคนแก่และเหนื่อยกับการที่ต้องพบ เจอ รัก ผูกพันธ์
และสุดท้ายต้องจบด้วยการจากลา
ตอนนี้นิ้งอายุ 10 ปีแล้ว
กลายเป็นคุณยายนิ้ง
เวลาเดินก็เหนื่อยง่าย ไม่มีแรงเล่นกันเหมือนแต่ก่อน
และฉันเองก็อยู่หอไม่ค่อยได้กับไปอยู่ด้วยกันกับนิ้ง
ฉันอยากให้นิ้งแข็งแรง
อยากมีบ้านอยู่เป็นของตัวเอง
จะได้รับนิ้งมาอยู่ด้วยกัน
คิดถึงจัง……..นุ้งนิ้ง(น้องสาวของฉัน)
ป.ล. เขียนเมื่อ ตุลาคม 2549 ตอนนี้น้องสาวยังคงแข็งแรงดี ผ่าตัดเนื้องอกไปหนึ่งรอบแต่ยังคงดี้ด้า หางกระดุ๊กกระดิ๊กเวลาเจอหน้าฉันเช่นเคย
บทสุดท้าย…แด่น้องสาวที่คิดถึง
คืนวันที่ 1 ตุลาคม 2551 (ตีหนึง)
เสียโทรศัพท์ฉันดังขึ้น
“นิ้งตายแล้วลูก” เสียงแม่สั่นเครือ ฟังแทบไม่เป็นคำ ได้ยินแต่เสียงร้องไห้
วันนั้นฉันไปนอนเล่นห้องเพื่อนที่อนุเสาวรีย์ หวังว่าการไปจะช่วยทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลง
แต่ไม่เลย
สิ้นเสียงโทรศัพท์ ฉันร้องไห้ หวังให้สิ่งที่ได้ยิน หายวับไป เป็นเพียงแค่ฝัน
ครั้งล่าสุดคือ สัปดาห์ก่อน ที่ฉันไปพบแม่ที่บ้าน ฉันเจอนิ้ง
น้องเริ่มป่วยมีอาการไอ เพราะนิ้งชอบไปนอนนอกบ้านเวลาฝนตก
แม่ไม่อยู่ กว่าจะกลับก็ค่ำ นิ้งเปียกแบบนั้นอยู่บ่อยๆ ช่วงที่ฝนตก
ก่อนจากกันครั้งนั้น ฉันล็อคกุญแจหน้ารั้วบ้านก่อนที่จะพาแม่ไปโรงพยาบาล
นิ้งมองหน้าฉันจนสุดสายตา ถ้าน้องพูดได้ น้องคงอยากบอกว่าอย่าทิ้งเค้าไว้อีกนานนัก
สัญญาของเรา ฉันจะรีบซื้อบ้าน แล้วรับนิ้งไปอยู่ด้วยเหมือนเมื่อก่อน
เราวิ่งเล่นและมีความสุข
ตอนนี้ฉันซื้อแล้ว เป็นแค่แฟลตเล็กๆ เอกสารยื่นไปเรียบร้อย
ฉันบอกพ่อ แม่ และทุกคนว่า อีกแค่ 3 เดือนฉันจะย้ายไปอยู่ที่นั่น
มันไกลจากที่ทำงาน แต่ยังพอมีรถตู้อยู่หลายสาย
และที่สำคัญ
“ฉันจะมารับนิ้งไปแล้ว”
“อีกแค่สามเดอนเท่านั้น”
น้องรอฉันมานานมาก
นานเกินไป
และฉันช้าเกินไป
ฉันอยากเป็นเหมือนตัวละครในนิทาน ฉันอยากขอพรจากนางฟ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ขอให้ความดีทั้งหมดที่ฉันทำ ส่งผลให้พรฉันเป็นจริง
ขอให้คำสัญญาขอเราเป็นจริง
ของให้นิ้งยังอยู่กับฉัน เหมือนที่เราฝันเอาไว้
แต่ความจริง ฉันไม่ได้อยู่ในนิทาน
ฉันได้แต่ร้องไห้ ลูบแก้มนุ่มๆของน้องครั้งสุดท้าย
น้องนอนหลับอยู่ในห่อผ้าสีฟ้า
ฉันมองหน้าน้อง แววตาที่เคยรอคอยฉันเสมอ
มองครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างน้องจะถูกฝังไว้ใต้พื้นที่โดดดี่ยว
แม่เล่าว่าคืนนั้นน้องป่วยหนัก
แม่เอายาให้น้องกิน ทุกครั้งน้องจะกินยากมาก
แต่ครั้งนี้น้องยอมกินยาแต่โดยดี เหมือนรู้ว่าเค้าป่วย
และเค้าต้องการจะหายดี
หลังจากกินยาเข้าไปได้ไม่ถึงสิบนาที
แม่อาบน้ำเสร็จออกมา
ร่างน้องนอนนิ่งไม่ไหวติง
มันจบแล้ว
สัญญาของเรา น้องพยายามรักษามันแล้ว
แต่ฉันทำมันช้าเกินไป
ฉันเดินออกจากบ้านแม่ด้วยน้ำตานองหน้า ฉันจะทำยังไงต่อ
บ้านใหม่ ฉันไม่อยากไปอยู่แล้ว
บ้านที่ฉันตั้งใจจะอยู่กับน้อง ฉันจะอุ้มน้องลงมาเดินเล่นตอนค่ำที่กลับจากที่ทำงาน
มันอาจไกล แต่เราก็ได้มีความสุขด้วยกัน
ทั้งหมดไม่มีทางเป็นจริงได้
น้องรอฉันมานานเกินไป
เย็นนั้นฝนตกหนัก เสียงฝนฟังดูคร่ำครวญ เหมือนเสียคนกรีดร้องอย่างหนัก
ฉันได้แต่ร้องไห้ น้องคงหนาวอยู่ใต้พื้นดินที่โดดเดี่ยวเพียงลำพัง
ฉันทำอะไรไม่ได้เลย
ฉันยื้อชีวิตน้องไม่ได้
ฉันเสียใจที่รักษาสัญญาได้ช้าเกินไป
คิดถึงเหลือเกินน้องสาวของฉัน
Recent Comments